มืองไทยขณะนี้มีสนามกอล์ฟกันอยู่มากมาย กีฬาประเภทนี้กำลังเจริญงอกงาม ใครมีเงินควรกลับไปลงทุนทำสนามกอล์ฟที่เมืองไทย หรือเปิดสนามไดร์ฟกอล์ฟ หรือร้านซ่อม-เปลี่ยนอุปกรณ์ของกอล์ฟ หรือว่าจะขายหรือแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟก็ได้ เมืองไทยขณะนี้บางสนามมีกฎเกณฑ์มากทีเดียว แทบไม่อยากจะเล่นที่สนามนั้นเลย มีระเบียบบังคับผู้เล่นไปในตัวและไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เขาใช้กฎของสนามมาบังคับไม่เล่น ซึ่งไม่ใช่กฎของกอล์ฟจริง ๆ สมัยโบราณ – ปัจจุบัน ซึ่งจริง ๆแล้วมันผิดกฎที่คนทั่วโลกใช้กัน แต่พี่ไทยเราเขาไม่สนใจ เอาเงินไว้ก่อนเป็นใช้ได้ แม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกฏของกอล์ฟ แต่มันเกี่ยวกับกฎของสนามที่ต้องให้คนเล่นกอล์ฟนั่งรถกอล์ฟคาร์ต 1 คนต่อ 1 คัน โดยให้แคดดี้เป็นคนขับ ด้วยความโมโหที่อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงวางกฎเกณฑ์ไว้อย่างนั้น เลยไปถามผู้จัดการของสนาม เขาก็ตอบว่าเข้าตั้งกฎของเขามาตั้งแต่มีรถกอล์ฟคาร์ตให้เช่ามาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่หายโมโหเลยถามต่อไปว่าก็เหมือนเช่ารถให้แคดดี้ขับนะซิ!!! ขับรถกอล์ฟคาร์ตแถมยังได้เงินค่าแคดดี้รวมทิปอีกต่างหาก อย่างนั้นก็ต้องเสียเงินให้แคดดี้นั่งรถโดยสิ้นเปลืองใช่ไหม!! คำตอบคือใช่ครับเพราะกฎของสนามเขาตั้งกันมาตั้งแต่มีรถให้เช่า ถ้าคุณจะเล่นก็ต้องตามกฎของสนามด้วย แต่ถ้าคุณไม่เล่นเขาก็ไม่ว่าอะไรคุณ กลับบ้านไปเล่นที่สนามอื่นซึ่งมีมากเหลือเกินที่เมืองไทยในขณะนี้
ก็หมายความว่าสนามนั้นไม่ง้อคนเล่นกอล์ฟแม้แต่นิดเดียว คุณรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร ก็เพราะว่ามีคนต่างชาติที่อยู่รอบด้านของไทยนั้นเองที่ข้ามมาเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย โดยใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ใช้เงินกันแค่ 100 – 200 เหรียญต่อ18หลุม ถูกที่สุดสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่รอบฝั่งตะวันออกของไทย ซึ่งมากันวันละหลายเที่ยวบิน เมื่อถึงสนามบินดอนเมือง ก็มีรถทัวร์บัสมารับไปส่งถึงที่สนามกันเลย ค่าธรรมเนียมกรีนจะเท่าไหร่นั้น คนเล่นกอล์ฟเองแทบจะไม่รู้เลย รู้อย่างเดียวคือต้องให้ทิปแคดดี้เป็นแบบนี้ทุกสนาม คือได้ทำสัญญากับชาวต่างชาติไว้เป็นปี เป็นการโปรโมทของคนต่างชาติที่ต้องการให้คนงานได้เล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย เมื่อได้วันหยุดโดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมกรีนและกฏเกณฑ์ของสนามขอให้เล่นกอล์ฟอย่างเดียว บริษัทที่ตนทำนั้นออกค่าใช้จ่ายให้หมดคือครบวงจร (ยกเว้นค่าหมอนวดหรือค่าอาบอบนวด) เมื่อเป็นเช่นนี้แทบทุกสนาม เขาจึงไม่ค่อยจะสนใจต่อคนไทยมากนัก โดยเฉพาะนักกอล์ฟคนไทยมักจะขี้เหนียวกับเรื่องค่าธรรมเนียมกรีน ส่วนอย่างอื่นนั้นเท่าไหร่ก็ไม่อั้น เช่นพนันกันคนละ 1 หมื่นหรือมากกว่านั้นต่อหลุม บางคนเสียครั้งละหลายแสนบาทต่อ 2 รอบ ก็ไม่บ่น จะบ่นหากต้องเสียเงินค่ารถกอล์ฟซึ่งต้องนั่งได้เพียง 1 คนต่อ 1 คันเท่านั้น กฎบ้า ๆอย่างนี้ไม่มีที่ไหนในโลก นอกจากเมืองไทยผมกลับมาถึงแอลเอเมื่อ 2 – 3 วันที่แล้ว หลังจากที่ได้เดินทางไปพร้อมกับคณะสื่อมวลชนไทยและนักกอล์ฟไทยเพื่อแข่งกอล์ฟการกุศล ก็ได้ไปเห็นไปรู้เกี่ยวกับสิ่งแปลก ๆที่เมืองไทยหลาย ๆอย่าง จึงนำมาบรรยายลงในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้ท่านได้อ่าน
กอล์ฟการกุศลระหว่าง ยูเอสเอ – ไทย เมื่อวันจันทร์ที่ 21 พ.ย. 05 ที่สนาม Lakewood CC ก็สำเร็จไปด้วยดี ด้วยแรงใจและแรงงานของเพื่อน ๆนักกอล์ฟ 2 – 3 คนที่ช่วยกันจัดทัวร์ครั้งนี้ขึ้นมาและผ่านไปด้วยความราบรื่น ทั้งมึนและมันส์และตื่นเต้นตลอดทั้งวัน มาจบเอาเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันเดียวกันนั้น ในจำนวน 96 คนที่ลงแข่ง ทีมจากแอลเอไม่ได้รางวัลแม้แต่ที่ 3 ZERO NADA ทีมกรุงเทพฯ ทั้งประเภทเดี่ยวและทีมคว้าเอาไปกินหมด ทำงัยได้ละครับพวกเขาก็เหมือนกับเจ้าของสนามมองเห็นหญ้าสูงต่ำกันหมดทุกคนแล้ว แต่ก็เล่นกันดีเป็นส่วนมาก สนามLakewood CC นั้นอยู่ในระดับ 4 ดาว ถึงแม้ผู้เขียนจะเล่นเพียง 12 หลุม เพราะมัวแต่จัดแจงให้คนอื่น ๆออกไปเล่นก่อน ที่ต้องทำช่วยกันนั้นเพราะขาดบุคลากร เลยเล่นได้เพียง 12 หลุมเท่านั้น ยังตีได้ 8 พาร์รวด ที่เหลือนั้นเป็น double และ bogies ที่ตีได้อย่างนี้เพราะสนามเขาดีทีเดียว หญ้า fairway นั้นนิ่มมาก คลื่นก็ไม่สูงมาก กรีนก็ราบเรียบดีเลยพัททได้ในครั้งเดียวหลายหลุม ผู้ชนะวันนั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกันทั้งทีมชนะที่ 1 และทีมชนะที่ 2 เช่นเดียวกับประเภทเดี่ยวก็มาจากทีมที่ชนะทั้ง 1 และ 2 เช่นกัน เอาเพียงแค่นี้ก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น