วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551
ผลการแข่งขัน TGA Thailand Amateur Open 2007-2008 นัดชิงชนะเลิศ
สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดสนามดวลก้านเหล็กระบบ Match Play ครั้ง
แรกในวงการกอล์ฟสมัครเล่น ในการแข่งขันรายการ “TGA Thailand Amateur Open 2007-2008”
ที่สนามกอล์ฟ รอยัล หัวหิน กอล์ฟ คอร์ส จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างวันที่ 6-9 มีนาคม 2551 โดยมี
60 นักกอล์ฟสมัครเล่นตัวแทนภาค ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากห้าสนาม และ 4 มือสมัครเล่นทีมชาติชุด
ล่าสุด ที่มาจากการคัดเลือกของ สกท. ตบเท้าร่วมหวดก้านเหล็ก ชิงตำแหน่งสุดยอดนักกอล์ฟสมัครเล่น
ที่เก่งที่สุดของประเทศไทย พร้อมครองถ้วย “สันติ ภิรมย์ภักดี” โดย ในการแข่งขันในครั้งนี้ ได้รับเกียรติ
จาก คุณรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ มอบโล่รางวัลแก่นักกีฬาที่ได้
รางวัลอันดับ 2 ถึง 4 และคุณสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด มอบ
ถ้วยสันติ ภิรมย์ภักดี แก่ผู้ได้รางวัลชนะเลิศ
หลังจากโชว์ฟอร์มหวดก้านเหล็กกันมา 4 วันเต็มๆ ในที่สุดผู้ที่สามารถแจ้งเกิดเป็นสุดยอดนักกอล์ฟ
สมัครเล่นในรายการ “TGA Thailand Amateur Open 2007-2008” ผลการแข่งขันมีดังนี้
รอบเช้า แข่งขันรองรองชนะเลิศ
คู่แรก วศิน ศรีภัทรานุสรณ์ เฉือนเอาชนะ จิรัฎฐ์ จิรสุวรรณ ไปได้ในรอบเพลย์ออหหลุมที่3
คู่สอง วารุจน์ อุปัญญ์ เฉือนเอาชนะ เอกลักษณ์ ไวศยากุล
รอบบ่ายเป็นการแข่งขันในคู่ชิงชนะเลิศ
คู่ชิงชนะเลิศ วารุจน์ อุปัญญ์ นักกอล์ฟม้ามืดจาก จ.สระบุรี ชนะ วศิน ศรีภัทรานุสรณ์ นักกอล์ฟจาก
โครงการสิงห์ ด้วยสกอร์ 4/2
คู่ชิงอันดับที่ 3 จิรัฎร์ จิรสุวรรณ นักกีฬาทีมชาติชุดเตรียมซีเกมส์ปีล่าสุด ชนะ เอกลักษณ์ ไวศยากุล
นักกีฬาทีมชาติชุดแชมป์กีฬามหาวิทยาลัยโลก ด้วยสกอร์ 2/1
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า "การ
แข่งขันกอล์ฟรายการทีจีเอ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่น ในครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
เราสามารถจัดการแข่งขันในครั้งนี้ออกมาได้เทียบเท่ากับการแข่งขันในต่างประเทศ ซึ่งการแข่งขันแบบ
แมตช์เพลย์นี้ถือว่าได้เป็นการพิสูจน์ทั้งฝีมือ และจิตใจของนักกอล์ฟด้วยว่าจะมีทั้งความนิ่ง และความ
สามารถอยู่ในระดับใด โดยผู้ชนะจากการแข่งขันรายการนี้จะได้สิทธิ์แข่งขันในรายการของต่างประเทศ
ต่อไป และสำหรับการแข่งขันกอล์ฟรายการ ทีจีเอ ไทยแลนด์ อเมเจอร์ โอเพ่นนั้นจะมีการแข่งขันอีกครั้ง
ในปีหน้า ซึ่งผมอยากจะขอเชิญชวนนักกอล์ฟสมัครเล่นทุกคนที่อยากจะพัฒนาตนเองให้มาเข้าร่วมการ
แข่งขันรายการนี้ในครั้งต่อไป เพราะว่าผู้ที่ชนะการแข่งขันกอล์ฟแบบแมตช์เพลย์นั้นถือว่าเป็นนักกอล์ฟที่
ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั้งฝีมือและสภาพจิตใจ"
สันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า "สำหรับการจัดการแข่งขัน
ในครั้งนี้ถือว่าทุกอย่างสมบูรณ์ดี ซึ่งเราได้จัดให้มีการแข่งขันรอบคัดเลือกมา 5 ภาค และมาแข่งขันรอบ
สุดท้ายซึ่งเป็นการแข่งขันแบบแมตช์เพลย์เป็นเวลา 4 วัน และนักกอล์ฟทั้ง 4 คนที่เข้ามาถึงในรอบรอง
ชนะเลิศนั้นก็มีอายุน้อยๆกันทั้งนั้น จึงทำให้พวกเขาจะเป็นอนาคตของทีมชาติไทยต่อไปได้ เพราะเมื่อ
แข่งขันรายการนี้จบ พวกเขาอาจจะได้รับพิจารณาเข้าร่วมเป็นนักกีฬาทีมชาติตามกฎการคัดเลือกทีม
ชาติของสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยต่อไป และยังมีอีก 2 สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมาก นั่นก็คือ การที่
สมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯจัดการแข่งขันรายการนี้ออกมาได้ดีมาก ทั้งในด้านของระบบมาตรฐาน
การตัดสินที่สูงเทียบระดับกับการแข่งขันในต่างประเทศ รวมไปถึงการแข่งขันในครั้งนี้ช่วยให้ผู้เล่นนั้น
พัฒนาตนเองและมีระดับความสามารถที่เพิ่มสูงตามไปด้วย โดยจากนี้ไปทางบริษัทสิงห์คอร์ปเรชั่นของ
เราก็จะสนับสนุนการแข่งขันเช่นนี้ต่อไป รวมไปถึงเราจะสนับสนุนนักกีฬาทุกคนที่มีความสามารถ และมี
ความมุ่งมั่นต่อไปเรื่อยๆ ผลักดันให้พวกเขาก้าวสู่การแข่งขันกอล์ฟในเวทีระดับโลกต่อไป ซึ่งเราอยากให้
นักกีฬาทุกคนไปไกลที่สุด ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้นักกอล์ฟไทยเรานั้นก้าวไปเล่นในเวทียูเอสพีจีเอ
ให้ได้ ซึ่งถ้าหากเป็นความจริงผมจะภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักกีฬาไทยนั้นยืนอยู่
ได้เทียบเท่ากับนักกีฬาระดับโลก"
ส่วนแชมป์ในรายการนี้ “แบงค์” วารุจน์ อุปัญญ์ นักกอล์ฟหนุ่มจา จ.สระบุรี กล่าวความรู้สึกหลังการคว้า
แชมป์ ในครั้งนี้ว่า “เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ผมได้มาเล่นในครั้งนี้ ซึ่งผมไม่เคยแข่งขันในระบบแมตซ์เพลย์
มาก่อน นับว่าเป็นการทดสอบสภาพจิตใจตัวเอง และในอนาคต ผมมีความตั้งใจว่าอยากเป็นนักกอล์ฟ
ทีมชาติไทยสักครั้ง ก่อนที่ผมจะเทิร์นโปรต่อไปในอนาคต”
สนามกอล์ฟเมืองไทยมีมากมายแต่ไม่พอให้คนอยากเล่น
มืองไทยขณะนี้มีสนามกอล์ฟกันอยู่มากมาย กีฬาประเภทนี้กำลังเจริญงอกงาม ใครมีเงินควรกลับไปลงทุนทำสนามกอล์ฟที่เมืองไทย หรือเปิดสนามไดร์ฟกอล์ฟ หรือร้านซ่อม-เปลี่ยนอุปกรณ์ของกอล์ฟ หรือว่าจะขายหรือแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับกอล์ฟก็ได้ เมืองไทยขณะนี้บางสนามมีกฎเกณฑ์มากทีเดียว แทบไม่อยากจะเล่นที่สนามนั้นเลย มีระเบียบบังคับผู้เล่นไปในตัวและไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เขาใช้กฎของสนามมาบังคับไม่เล่น ซึ่งไม่ใช่กฎของกอล์ฟจริง ๆ สมัยโบราณ – ปัจจุบัน ซึ่งจริง ๆแล้วมันผิดกฎที่คนทั่วโลกใช้กัน แต่พี่ไทยเราเขาไม่สนใจ เอาเงินไว้ก่อนเป็นใช้ได้ แม้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกฏของกอล์ฟ แต่มันเกี่ยวกับกฎของสนามที่ต้องให้คนเล่นกอล์ฟนั่งรถกอล์ฟคาร์ต 1 คนต่อ 1 คัน โดยให้แคดดี้เป็นคนขับ ด้วยความโมโหที่อยากจะรู้นักว่าทำไมถึงวางกฎเกณฑ์ไว้อย่างนั้น เลยไปถามผู้จัดการของสนาม เขาก็ตอบว่าเข้าตั้งกฎของเขามาตั้งแต่มีรถกอล์ฟคาร์ตให้เช่ามาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่หายโมโหเลยถามต่อไปว่าก็เหมือนเช่ารถให้แคดดี้ขับนะซิ!!! ขับรถกอล์ฟคาร์ตแถมยังได้เงินค่าแคดดี้รวมทิปอีกต่างหาก อย่างนั้นก็ต้องเสียเงินให้แคดดี้นั่งรถโดยสิ้นเปลืองใช่ไหม!! คำตอบคือใช่ครับเพราะกฎของสนามเขาตั้งกันมาตั้งแต่มีรถให้เช่า ถ้าคุณจะเล่นก็ต้องตามกฎของสนามด้วย แต่ถ้าคุณไม่เล่นเขาก็ไม่ว่าอะไรคุณ กลับบ้านไปเล่นที่สนามอื่นซึ่งมีมากเหลือเกินที่เมืองไทยในขณะนี้
ก็หมายความว่าสนามนั้นไม่ง้อคนเล่นกอล์ฟแม้แต่นิดเดียว คุณรู้ไหมว่าเป็นเพราะอะไร ก็เพราะว่ามีคนต่างชาติที่อยู่รอบด้านของไทยนั้นเองที่ข้ามมาเล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย โดยใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ใช้เงินกันแค่ 100 – 200 เหรียญต่อ18หลุม ถูกที่สุดสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่รอบฝั่งตะวันออกของไทย ซึ่งมากันวันละหลายเที่ยวบิน เมื่อถึงสนามบินดอนเมือง ก็มีรถทัวร์บัสมารับไปส่งถึงที่สนามกันเลย ค่าธรรมเนียมกรีนจะเท่าไหร่นั้น คนเล่นกอล์ฟเองแทบจะไม่รู้เลย รู้อย่างเดียวคือต้องให้ทิปแคดดี้เป็นแบบนี้ทุกสนาม คือได้ทำสัญญากับชาวต่างชาติไว้เป็นปี เป็นการโปรโมทของคนต่างชาติที่ต้องการให้คนงานได้เล่นกอล์ฟที่ประเทศไทย เมื่อได้วันหยุดโดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าธรรมเนียมกรีนและกฏเกณฑ์ของสนามขอให้เล่นกอล์ฟอย่างเดียว บริษัทที่ตนทำนั้นออกค่าใช้จ่ายให้หมดคือครบวงจร (ยกเว้นค่าหมอนวดหรือค่าอาบอบนวด) เมื่อเป็นเช่นนี้แทบทุกสนาม เขาจึงไม่ค่อยจะสนใจต่อคนไทยมากนัก โดยเฉพาะนักกอล์ฟคนไทยมักจะขี้เหนียวกับเรื่องค่าธรรมเนียมกรีน ส่วนอย่างอื่นนั้นเท่าไหร่ก็ไม่อั้น เช่นพนันกันคนละ 1 หมื่นหรือมากกว่านั้นต่อหลุม บางคนเสียครั้งละหลายแสนบาทต่อ 2 รอบ ก็ไม่บ่น จะบ่นหากต้องเสียเงินค่ารถกอล์ฟซึ่งต้องนั่งได้เพียง 1 คนต่อ 1 คันเท่านั้น กฎบ้า ๆอย่างนี้ไม่มีที่ไหนในโลก นอกจากเมืองไทยผมกลับมาถึงแอลเอเมื่อ 2 – 3 วันที่แล้ว หลังจากที่ได้เดินทางไปพร้อมกับคณะสื่อมวลชนไทยและนักกอล์ฟไทยเพื่อแข่งกอล์ฟการกุศล ก็ได้ไปเห็นไปรู้เกี่ยวกับสิ่งแปลก ๆที่เมืองไทยหลาย ๆอย่าง จึงนำมาบรรยายลงในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้ท่านได้อ่าน
กอล์ฟการกุศลระหว่าง ยูเอสเอ – ไทย เมื่อวันจันทร์ที่ 21 พ.ย. 05 ที่สนาม Lakewood CC ก็สำเร็จไปด้วยดี ด้วยแรงใจและแรงงานของเพื่อน ๆนักกอล์ฟ 2 – 3 คนที่ช่วยกันจัดทัวร์ครั้งนี้ขึ้นมาและผ่านไปด้วยความราบรื่น ทั้งมึนและมันส์และตื่นเต้นตลอดทั้งวัน มาจบเอาเมื่อเวลา 22.30 น. ของวันเดียวกันนั้น ในจำนวน 96 คนที่ลงแข่ง ทีมจากแอลเอไม่ได้รางวัลแม้แต่ที่ 3 ZERO NADA ทีมกรุงเทพฯ ทั้งประเภทเดี่ยวและทีมคว้าเอาไปกินหมด ทำงัยได้ละครับพวกเขาก็เหมือนกับเจ้าของสนามมองเห็นหญ้าสูงต่ำกันหมดทุกคนแล้ว แต่ก็เล่นกันดีเป็นส่วนมาก สนามLakewood CC นั้นอยู่ในระดับ 4 ดาว ถึงแม้ผู้เขียนจะเล่นเพียง 12 หลุม เพราะมัวแต่จัดแจงให้คนอื่น ๆออกไปเล่นก่อน ที่ต้องทำช่วยกันนั้นเพราะขาดบุคลากร เลยเล่นได้เพียง 12 หลุมเท่านั้น ยังตีได้ 8 พาร์รวด ที่เหลือนั้นเป็น double และ bogies ที่ตีได้อย่างนี้เพราะสนามเขาดีทีเดียว หญ้า fairway นั้นนิ่มมาก คลื่นก็ไม่สูงมาก กรีนก็ราบเรียบดีเลยพัททได้ในครั้งเดียวหลายหลุม ผู้ชนะวันนั้นอยู่ในกลุ่มเดียวกันทั้งทีมชนะที่ 1 และทีมชนะที่ 2 เช่นเดียวกับประเภทเดี่ยวก็มาจากทีมที่ชนะทั้ง 1 และ 2 เช่นกัน เอาเพียงแค่นี้ก่อน